แหล่งอารยธรรมบ้านเชียง
ประวัติอารยธรรมบ้านเชียง อารยธรรมบ้านเชียง
|
|
|
|
แหล่งอารยธรรมบ้านเชียง ประวัติอารยธรรมบ้านเชียง
อารยธรรมบ้านเชียง
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
ภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด อุดรธานี
สถานที่ตั้ง บ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง
อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
การค้นพบโบราณวัตถุที่มีความสำคัญทางโบราณคดีและก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณ
หมู่บ้านเชียงนั้น เริ่มต้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐
เมื่อราษฎรชาวบ้านเชียงบางคนสังเกตเห็นและมีความสนใจเศษภาชนะดินเผาที่มีลวด
ลายเขียนสีแดงที่มักพบเสมอ เมื่อมีการขุดพื้นดินในบริเวณหมู่บ้าน
จึงได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียนประชาบาลประจำหมู่บ้านและจัดแสดงให้ผู้คน
สนใจได้เข้าชม
พ.ศ. ๒๕๐๙ นายสตีเฟน ยัง (Stefhen Young) นักศึกษาวิชาสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา
ได้เดินทางมาศึกษาเรื่องราวของวิถีชีวิตชาวบ้านเชียง
จึงได้พบเห็นเศษภาชนะดินเผาเขียนสีกระจายเกลื่อนอยู่ทั่วไปตามผิวดินของหมู่ บ้าน
จึงได้เก็บไปให้ศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี
ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ประจำกองโบราณคดี กรมศิลปากร
ศึกษาวิเคราะห์และได้ลงความเห็นว่าเป็นเศษภาชนะดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ยุคหินใหม่ (Neotelhic Period)
ใน พ.ศ. ๒๕๑๐ กองโบราณคดี กรมศิลปากร
จึงดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียงอย่างจริงจัง
และส่งโบราณวัตถุไปหาอายุโดยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนส์ (C-๑๔)
ที่มหาวิทยาลัยเพนซินเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า โบราณวัตถุเหล่านั้นมีอายุ
ประมาณ ๕,๖๐๐ ปีมาแล้ว
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๑๓ หน่วยศิปลากรที่ ๗
จังหวัดขอนแก่น ได้เข้าไปสำรวจโบราณวัตถุที่บ้านเชียง
แต่เนื่องจากช่วงเวลานั้นเรื่องราวทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่เข้าใจกันมากนัก
จึงไม่มีการค้นคว้าทางโบราณคดีอย่างต่อเนื่อง
พ.ศ. ๒๕๑๕ กองโบราณคดี กรมศิลปากร
ได้ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียงอีกครั้งหนึ่งบริเวณวัดโพธิ์ศรี ใน
และบริเวณบ้านนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ โดยได้ปรับปรุงหลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน
เป็นพิพิธภัณฑ์สถานกลางแจ้งแห่งแรกในประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการขุดค้นที่บ้านเชียง
เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕
วัฒนธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียง
แบ่งออกเป็น ๓ ระยะใหญ่
ตามลักษณะการฝังศพและภาชนะดินเผาที่บรรจุลงเป็นเครื่องเซ่นในหลุมฝังศพ ดังนี้
๑. สมัยต้นบ้านเชียง อายุระหว่าง ๕,๖๐๐-๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว ๒. สมัยกลางบ้านเชียง อายุระหว่าง ๓,๐๐๐-๒,๓๐๐ ปีมาแล้ว ๓. สมัยปลายบ้านเชียง อายุระหว่าง ๒,๓๐๐-๑,๘๐๐ ปีมาแล้ว จากการวิเคราะห์วิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ บ้านเชียงโดยนักวิชาการพบว่า คนบ้านเชียงสมัยนั้นได้เลือกที่จะตั้งหมู่บ้านในพื้นที่เนินสูงปานกลางใกล้ จุดที่ทางน้ำธรรมชาติสองสายมาบรรจบกัน และมีพื้นที่ราบลุ่มผืนใหญ่รอบๆ มีการปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์กันแล้ว แต่ก็ยังล่าสัตว์ทั้งสัตว์ป่าและสัตว์น้ำมาเป็นอาหาร บ้านพักอาศัยมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างอยู่บนเสาสูงทำให้มีใต้ถุนบ้าน สามารถใช้ทำกิจกรรมอื่นๆ หรือเป็นคอกเลี้ยงสัตว์ได้
๑. โครงกระดูกมนุษย์
๒. กระดูกสัตว์ ๓. ภาชนะดินเผาลายขูดขีด ลายเชือกทาบ และลายเขียนสี ๔. ลูกปัดหินและลูกปัดแก้ว ๕. เครื่องประดับ เครื่องใช้ ใบหอก และใบขวานสำริด
จากจังหวัดอุดรธานีไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๒๒ เส้นทางอุดรธานี-สกลนคร ถึงกิโลเมตรที่ ๕๐
แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒๒๕ เข้าสู่หมู่บ้านเชียงอีกประมาณ ๖
กิโลเมตร รวมระยะทางจากตัวเมืองอุดรธานีถึงบ้านเชียง ๕๖ กิโลเมตร
|
วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559
อารยธรรมบ้านเชียง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น